อิรักค้นพบหลุมศพหมู่ของสตรีและเด็กในทะเลทรายซามาวาห์
อิรักค้นพบหลุมศพหมู่ของสตรีและเด็กในทะเลทรายซามาวาห์

เจ้าหน้าที่อิรักได้ขุดพบหลุมศพหมู่ในทะเลทรายซามาวาห์ ซึ่งเป็นเครื่องเตือนใจอันน่าสะพรึงกลัวถึงการกดขี่อย่างเป็นระบบของระบอบการปกครองพรรคบาธ โดยเหยื่อบางรายแสดงร่องรอยของการสังหารชีวิตและการปฏิบัติอันโหดร้าย

    สำนักข่าวอิรักรายงานเมื่อวันเสาร์ (21 .ค.) ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อิรักประกาศการค้นพบหลุมศพหมู่ในทะเลทรายซามาวาห์ ภายในมีร่างเหยื่อหลายสิบคน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก เชื่อว่า ถูกประหารชีวิตในสมัยที่ระบอบการปกครองพรรคบาธ กระทำทารุณต่อประชาชนอิรัก

    หลุมศพซึ่งตั้งอยู่ห่างจากสุสานซัลมาน 97 กิโลเมตร ในทะเลทรายนุคัยบ์ (Nukhayb) ถูกค้นพบเป็นส่วนหนึ่งของการสืบสวนอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับอาชญากรรมที่เกิดขึ้นภายใต้ระบอบการปกครองของซัดดัม ฮุสเซน

    ตามที่เจ้าหน้าที่ระบุว่า ผลการพิจารณาเบื้องต้นพบว่า เหยื่อถูกปิดตา ใส่กุญแจมือ และสังหารชีวิต เป็นการกระทำฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อย่างโหดร้าย

     Diaa Al-Saadi อธิบดีกรมกิจการและคุ้มครองหลุมศพหมู่แห่งมูลนิธิวีรชน กล่าวว่า “การค้นพบหลุมศพหมู่ที่ระบอบบาธกระทำต่อประชาชนอิรักอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำความโหดร้ายของกลุ่มบาธและยืนยันถึงลักษณะการถูกกดขี่”

     ขณะนี้ทีมผู้เชี่ยวชาญกำลังดำเนินการรวบรวมและขุดค้นร่างผู้เสียชีวิตตามมาตรฐานสากล ความพยายามเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนริเริ่มที่กว้างขึ้น เพื่อจับกุมผู้ก่อเหตุและให้แน่ใจว่าพวกเขาจะต้องได้รับความเป็นธรรม

    เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผู้ว่าการมูฮันนา มูฮันนาด อัล-อัตตาบี ยืนยันการค้นพบหลุมศพหมู่อีกแห่งในเทล เชคฮิยาห์ เมืองซามาวาห์ หลุมศพดังกล่าวมีศพของสตรีและเด็กชาวเคิร์ด ซึ่งเป็นเหยื่อของปฏิบัติการอันฟาล อันฉาวโฉ่

    ระหว่างพิธีอย่างเป็นทางการ ซึ่งมีนายชานาซ อาห์เหม็ดเข้าร่วม ผู้ว่าการอัล-อัตตาบีกล่าวว่า “หลุมศพหมู่นี้สะท้อนให้เห็นถึงความโหดร้ายอันน่าสยดสยองของระบอบบาธ ซึ่งฝังผู้หญิง เด็ก และผู้สูงอายุทั้งเป็นในหลุมศพหมู่ เราขอแสดงความเสียใจต่อตัวเราเองและชาวเคิร์ด”

    ชานาซ อิบราฮิม อาห์เหม็ด กล่าวกับผู้เข้าร่วมประชุมว่า "วันนี้เรามารวมตัวกันบนผืนแผ่นดินแห่งนี้ ซึ่งเป็นที่ที่คนที่เรารักต้องทนทุกข์ทรมาน ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง เด็ก ผู้สูงอายุ และเยาวชน ที่ต้องพลีชีพโดยระบอบการปกครองในอดีต"

    อาเหม็ดเน้นย้ำถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องในการแก้ไขปัญหาหลุมศพจำนวนมากและการส่งร่างของเหยื่อกลับประเทศ โดยรับทราบถึงความท้าทายและเส้นทางยาวไกลข้างหน้า

    เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญได้รวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ตัวอย่างเลือดจากครอบครัวของผู้เสียหาย เป็น 4 เฟส ผ่าน กาลาร ชัมชามัล และโคยา ทีมดังกล่าวซึ่งประกอบด้วยแผนกนิติเวชของกรุงแบกแดด มูลนิธิผู้พลีชีพของรัฐบาลกลาง และคณะกรรมการระหว่างประเทศว่าด้วยบุคคลสูญหาย (ICMP) ได้เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอจากสมาชิกในครอบครัว 1,600 คน เพื่อเปรียบเทียบกับร่างผู้เสียชีวิตและระบุตัวตนของผู้เสียชีวิต


ที่มา : สำนักข่าวตัสนีม

Copyright © 2024 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่

ผู้เยี่ยมชมอยู่ขณะนี้

มี 1196 ผู้มาเยือน และ ไม่มีสมาชิกออนไลน์ ออนไลน์

25196572
Today
Yesterday
This Week
Last Week
This Month
Last Month
All days
22078
38686
60764
24887231
382275
1079962
25196572

จ 23 ธ.ค. 2024 :: 18:20:41