การข่มขู่ "ทำลายล้างฮามาส" ของระบอบไซออนิสต์ กลายเป็น "การทำลายล้างอิสราเอล" ได้อย่างไร?
Powered by OrdaSoft!
No result.
การข่มขู่ "ทำลายล้างฮามาส" ของระบอบไซออนิสต์ กลายเป็น "การทำลายล้างอิสราเอล" ได้อย่างไร?

นักเขียนชาวอังกฤษผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่งกล่าวว่า ความเป็นจริงทางการเมืองหลังวันที่ 7 ตุลาคม ตรงข้ามกับเจตจำนงของสหรัฐฯ และผู้สนับสนุนอิสราเอลรายอื่นๆ และย้ำว่า : เนทันยาฮูและคณะรัฐมนตรีสงครามของเขาพยายามหาทางทำลายกลุ่มฮามาส แต่สงครามในฉนวนกาซาสามารถนำไปสู่การถูกทำลายล้างของอิสราเอลได้

        ตามรายงานของสำนักข่าวตัสนีม "เดวิด เฮิร์สต์" นักเขียนและนักวิเคราะห์ชาวอังกฤษผู้มีชื่อเสียงและเป็นบรรณาธิการของเว็บไซต์ Middle East Eye ซึ่งได้ตีพิมพ์บทความมากมายเกี่ยวกับตัวชี้วัดความพ่ายแพ้ของระบอบไซออนิสต์ใน สงครามฉนวนกาซาตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการพายุอัล-อักซอ เขาได้เขียนไว้ในบทความใหม่ของเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า : การทำสงครามต่อต้านฉนวนกาซาเป็นผลมาจากการประเมินที่ผิดพลาดอย่างสิ้นเชิงสำหรับอิสราเอลซึ่งนำไปสู่ความหายนะทางศีลธรรมและการทหาร และทำให้ความโกรธแค้นต่ออิสราเอลเกิดขึ้นในทั่วโลก

        เดวิด เฮิร์สต์ ยังได้กล่าวถึงอาชญากรรมที่กระทำโดยระบอบไซออนิสต์ในการโจมตีเลบานอนในปี 1982 ซึ่งทำให้อเมริกาตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างรุนแรงของสาธารณชนทั่วโลก

การถูกทำลายของฉนวนกาซาภายในสองเดือนนั้นมากกว่าการถูกทำลายของเมืองต่างๆ ในเยอรมนีภายในสองปี

        เขากล่าวว่า : ในเดือนกรกฎาคม 1982 หลังจากการทิ้งระเบิดอย่างหนักในกรุงเบรุตโดยอิสราเอล ประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ของสหรัฐฯ ก็ได้คุยทางโทรศัพท์กับเมนาเคม เบกิน นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นของระบอบการปกครองนี้ และขอให้เขาหยุดการทิ้งระเบิดและกล่าวว่า : "นับจากนี้ไป โทรทัศน์จะแสดงให้ประชาชนของเราเห็นสัญลักษณ์ต่างๆ ของสงครามครั้งนี้ และนี่คือฮอโลคอสต์ (การฆ่าล้างเผ่าพันธ์) อย่างแท้จริง” แต่วันนี้พรรคเดโมแครตในทำเนียบขาวไม่มีอำนาจหยุดการโจมตีของอิสราเอล นักวิเคราะห์ทางทหารได้เปรียบเทียบขนาดการทำลายฉนวนกาซาโดยอิสราเอลกับการทิ้งระเบิดในเมืองต่างๆ ของเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่สอง และรายงานว่า จนถึงวันที่ 4 ธันวาคม อาคาร 68% ทางตอนเหนือของฉนวนกาซาได้ถูกทำลาย ในขณะที่ในสงครามโลกครั้งที่สองอาคาร 75% ในเมืองฮัมบูร์ก 61% ในเมืองโคโลญจน์ และ 59% ของเมืองเดรสเดนของเยอรมนีถูกทำลายภายใน 2 ปี

       ในส่วนถัดไปของบทความนี้ ได้กล่าวว่า : เพียงครึ่งหนึ่งของช่วงเวลาที่องค์กรปลดปล่อยปาเลสไตน์ถูกบังคับให้ออกจากเบรุตในปี 1982 ชาวปาเลสไตน์เกือบ 20,000 คน ซึ่ง 70% เป็นผู้หญิงและเด็ก ถูกสังหารหมู่ในฉนวนกาซา ความหายนะที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซาได้ปูพื้นฐานสำหรับสงครามอีก 50 ปี และชาวปาเลสไตน์ อาหรับ และมุสลิมรุ่นต่อรุ่นจะไม่มีวันลืมความโหดร้ายที่อิสราเอลทำลายฉนวนกาซาในวันนี้

อิสราเอลซ้ำความผิดพลาดของฝรั่งเศสในแอลจีเรีย 

        เดวิด เฮิร์สต์ กล่าวว่า : ชาวอิสราเอลบางคน อย่างเช่น "อามี อายาลอน" อดีตหัวหน้ากลุ่มชาบัค เข้าใจประเด็นนี้ดี และเขาเชื่อว่าในขณะที่กองทัพอิสราเอลมองเห็นชัยชนะอยู่ในการสังหารประชาชนจำนวนมากและการเพิ่มการทำลายล้างให้มากขึ้นเท่าที่จะทำได้นั้น ขบวนการต่อต้านของอิสลามในปาเลสไตน์ (ฮามาส) กำลังเอาชนะด้วยพลังอันนุ่มนวล (soft power) และครองใจและความคิดของชาวโลก

        เขากล่าวต่อไปว่า : วันนี้ ชาวอิสราเอลกำลังทำผิดพลาดแบบเดียวกับที่ชาวฝรั่งเศสทำในแอลจีเรียโดยการสังหารชาวอัลจีเรียมากกว่า 1.5 ล้านคนระหว่างปี 1954 ถึง 1962 ชาวฝรั่งเศสคิดว่าพวกเขาจะชนะด้วยอาชญากรรมเหล่านี้ แต่หลังจากสิ้นสุดสงคราม พวกเขาจำเป็นต้องออกจากแอลจีเรียและประเทศนี้ก็ได้รับเอกราช  ในปาเลสไตน์ในวันนี้ก็เช่นกัน การประเมินข่าวกรองต่างๆ ของอเมริกาแสดงให้เห็นว่าความนิยมที่มีต่อกลุ่มฮามาสนับตั้งแต่เริ่มสงครามในขณะนี้ได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก

ความเป็นจริงทางการเมืองหลังวันที่ 7 ตุลาคม ไม่เป็นไปตามเจตจำนงของอเมริกาและผู้สนับสนุนอิสราเอล

        เดวิด เฮิร์สต์ ได้ชี้ถึงรายงานของ CNN ของอเมริกา ซึ่งอ้างจากบรรดาเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ว่า : ขบวนการฮามาสประสบความสำเร็จในการพิสูจน์ตัวเองในบางส่วนของโลกอาหรับและอิสลามในฐานะผู้พิทักษ์อุดมคติของชาวปาเลสไตน์และเป็นนักสู้ที่มีประสิทธิภาพกับอิสราเอล นี่เป็นข่าวร้ายหนึ่งสำหรับอเมริกาและทุกประเทศที่คิดว่าองค์การบริหารแห่งชาติปาเลสไตน์จะสามารถเข้ามาแทนที่กลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาได้ การประเมินที่เกิดขึ้นเหล่านี้ไม่ได้จำกัดเพียงสถิติและตัวเลขเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับความเป็นจริงทางการเมืองใหม่หลังวันที่ 7 ตุลาคม

        ตามบทความนี้ นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลสัญญาไว้ว่า จะเปลี่ยนแผนที่ตะวันออกกลางนับตั้งแต่ก่อนการเริ่มต้นของปฏิบัติการในวันที่ 7 ตุลาคม และเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังสงครามฉนวนกาซา แต่ไม่ใช่อย่างที่เนทันยาฮูและคณะรัฐมนตรีของเขาต้องการ ในตลอดช่วง 17 ปีที่ผ่านมา เมื่อฉนวนกาซาถูกปิดล้อมอย่างหนัก โลกได้ลืมภูมิภาคนี้ และสหรัฐฯ และมหาอำนาจสำคัญของยุโรปก็พยายามทุกวิถีทางเพื่อเพิ่มความเข้มข้นให้กับการปิดล้อมที่อิสราเอลกำหนดบังคับต่อฉนวนกาซา นอกจากนี้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อิสราเอลพยายามอย่างหนักที่จะแยกฉนวนกาซาออกจากเวสต์แบงก์ และทำลายความเป็นไปได้ทั้งหมดสำหรับการจัดตั้งรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติปาเลสไตน์ตั้งแต่กาซาไปจนถึงเวสต์แบ๊งค์

ความสำเร็จที่ฮามาสทำได้ในสองเดือนในสงครามฉนวนกาซานั้นไม่เกิดขึ้นในอินติฟาดาทั้ง 2 ครั้งของชาวปาเลสไตน์

        ผู้เขียนบทความนี้ย้ำว่า : ความสำเร็จที่ฮามาสได้รับในสงครามฉนวนกาซาในช่วงสองเดือนที่ผ่านมานั้นไม่บรรลุผลแม้แต่ในอินติฟาดาครั้งแรกและครั้งที่สองสำหรับชาวปาเลสไตน์ ผลของสงครามครั้งนี้สามารถที่จะเป็นสภาวะความขัดแย้งที่ดำเนินต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้อิสราเอลไม่สามารถอ้างตนว่าเป็น "รัฐ" แบบตะวันตกตามปกติในภูมิภาคนี้ได้ ในสถานการณ์เช่นนี้ สงครามจะมีความเสี่ยงที่จะลุกลามอยู่เสมอ เนื่องจากเราเห็นการโจมตีเรือตะวันตกของเยเมนที่แล่นผ่านทะเลแดง

        ในตอนท้ายของบทความ เดวิด เฮิร์สต์ ได้เขียนว่า : "การล่มสลายและการทำลายล้างกลุ่มฮามาส" เป็นสโลแกนในภาษาฮีบรูและเป็นเป้าหมายที่คณะรัฐมนตรีสงครามของอิสราเอลได้ประกาศในสงครามฉนวนกาซา แต่หลังจากผ่านไป 2 เดือน สโลแกนนี้สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงและกลายเป็น "การล่มสลายและการทำลายล้างอิสราเอล" ได้ เนื่องจากว่านี่คือเหตุการณ์ที่สงครามในขณะนี้สามารถจะทำให้มันเกิดขึ้นได้


ที่มา : สำนักข่าวตัสนีม

Copyright © 2023 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่

ผู้เยี่ยมชมอยู่ขณะนี้

มี 549 ผู้มาเยือน และ ไม่มีสมาชิกออนไลน์ ออนไลน์

24778430
Today
Yesterday
This Week
Last Week
This Month
Last Month
All days
28338
52431
205812
24215661
1044095
1618812
24778430

พฤ 21 พ.ย. 2024 :: 16:13:17