เมื่อวันศุกร์ ที่ 31 พ.ค. กองทัพอิสราเอลสังหารชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 60 คน บาดเจ็บอีก 280 ราย ช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาในพื้นที่ทั่วฉนวนกาซา ขณะที่รถถังของอิสราเอลเคลื่อนเข้าสู่ใจกลางราฟาห์
กระทรวงสาธารณสุขฉนวนกาซาประกาศผู้เสียชีวิตเมื่อวันศุกร์ (31 พ.ค.) โดยระบุว่า การโจมตีดังกล่าวทำให้มีผู้บาดเจ็บอีก 280 ราย
ดินแดนปาเลสไตน์อดทนต่อสงครามมาตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว
ชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 36,284 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก ถูกสังหาร และอีก 82,057 คน ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีทางทหารอันโหดร้ายที่เริ่มขึ้นภายหลังปฏิบัติการตอบโต้โดยกลุ่มต่อต้านในฉนวนกาซา
เมื่อวันศุกร์เช่นกัน กองทัพอิสราเอลก็เข้าถึงพื้นที่ “ตอนกลาง” ของราฟาห์ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา แม้ว่านานาชาติจะประณามเกี่ยวกับปฏิบัติการที่ร้ายแรงอย่างยิ่งของรัฐบาลผู้ยึดครองต่อเมืองที่เต็มไปด้วยผู้ลี้ภัยก็ตาม
รัฐบาลเทลอาวีฟเริ่มปฏิบัติการภาคพื้นดินต่อราฟาห์เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม เป็นการท้าทายองค์กรและผู้นำระดับโลกบางแห่ง ซึ่งกล่าวว่า เมืองนี้ให้การต้อนรับชาวกาซาผู้พลัดถิ่นประมาณ 1.5 ล้านคน
จากข้อมูลของ UNRWA ซึ่งเป็นหน่วยงานเพื่อผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์แห่งสหประชาชาติ ระบุว่า มีผู้คนประมาณหนึ่งล้านคนได้หลบหนีออกจากเมือง นับตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการราฟาห์
รัฐบาลอิสราเอลได้ประกาศถอนตัวออกจากค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลียทางตอนเหนือของฉนวนกาซา ภายหลังการโจมตี 20 วัน ต่อพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับการโจมตีทางอากาศประมาณ 200 ครั้ง
ตามรายงานของทางการปาเลสไตน์ การรุกคืบดังกล่าวได้ทำลายพื้นที่จาบาเลีย ซึ่งเป็นค่ายผู้ลี้ภัยที่ใหญ่ที่สุดในฉนวนกาซาถึงร้อยละ 70 และเป็นที่อยู่อาศัยของชาวปาเลสไตน์มากกว่า 100,000 คน
ขณะเดียวกัน สำนักข่าวหลายแห่งอ้างว่า ชาวปาเลสไตน์กลับมาที่ค่ายหลังจากการถอนตัวของทหารอิสราเอล โดยอธิบายว่า พื้นที่ดังกล่าวไม่เหลือสภาพจนไม่สามารถจำได้ เนื่องจากขอบเขตการทำลายล้างที่รุนแรงอย่างแท้จริงที่เกิดจากการรุกรานของอิสราเอล
เขากล่าวเสริมว่า “ฉันสาบานต่อพระเจ้า เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบ้านของเราอยู่ที่ไหน เราไม่รู้ว่าบ้านของเราอยู่ที่ไหน” ชายชาวปาเลสไตน์กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ “หาวิธีแก้ปัญหาให้พวกเราเถอะ ฉันสาบานต่อพระเจ้าว่า นี่ไม่ใช่สิ่ง ถูกต้อง นี่ไม่ถูกต้อง เราอดทนมาเก้าเดือนแล้ว แต่นี่เป็นเรื่องน่าละอาย ฉันสาบานกับพระเจ้าว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับเรานั้นน่าละอายใจ”
ที่มา : สำนักข่าวเพรสทีวี
Copyright © 2018 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่