นักประวัติศาสตร์ชาวยิวและศาสตราจารย์เกษียณอายุ ถูกตำรวจนครบาลลอนดอนจับกุมหลังจากแสดงความเห็นในงานประท้วงต่อต้านการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ประจำสัปดาห์ โดยเขาพูดว่า อิสราเอล "ไม่สามารถเอาชนะฮามาสได้"
ไฮม์ เบรสชีธ นักวิชาการและผู้สร้างภาพยนตร์ ผู้ก่อตั้งเครือข่ายชาวยิวเพื่อปาเลสไตน์ ถูกควบคุมตัวระหว่างการประท้วงหน้าบ้านของซิปิ โฮโตเวลี เอกอัครราชทูตอิสราเอล ทางตอนเหนือของลอนดอนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และได้รับการปล่อยตัวในวันรุ่งขึ้นหลังจากถูกจับกุม
เบรสชีธ กล่าวในสุนทรพจน์ของเขาว่า “อิสราเอลไม่สามารถเอาชนะฮามาสได้ พวกเขาไม่สามารถเอาชนะฮิซบุลลอฮ์ได้ พวกเขาไม่สามารถเอาชนะฮูซีได้ พวกเขาไม่สามารถเอาชนะการต่อต้านการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่พวกเขาได้เริ่มต้นขึ้นได้”
เขาถูกตั้งข้อหาให้การสนับสนุน "องค์กรที่ถูกห้าม" ตามที่โฆษกตำรวจยืนยันในแถลงการณ์ต่อสื่อ และยังระบุด้วยว่า เขาได้รับการปล่อยตัวระหว่างรอการสอบสวนเพิ่มเติม
รัฐบาลอังกฤษได้มีมติการเคลื่อนไหวต่อต้านของชาวปาเลสไตน์และเลบานอนเป็นสิ่งต้องห้าม
วิดีโอที่บันทึกการจับกุมนักเคลื่อนไหวต่อต้านกลุ่มไซออนิสต์และต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติ เผยให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่าเขาถูกควบคุมตัวภายใต้พระราชบัญญัติการก่อการร้าย พ.ศ. 2543 จากข้อกล่าวหาแสดง "คำพูดที่สร้างความเกลียดชัง"
อย่างไรก็ตาม เนื้อหาในคำปราศรัยของเบรชีธ วิพากษ์วิจารณ์การกระทำของอิสราเอล โดยเน้นประเด็นเรื่องลัทธิอาณานิคม การเหยียดเชื้อชาติ และความรุนแรง ซึ่งรวมถึงการสังหารหมู่พลเรือนจำนวนมาก โดยมีเด็กนับหมื่นคนรวมอยู่ด้วย
“อิสราเอลยังไม่บรรลุเป้าหมายใด ๆ ตามที่ประกาศไว้ ไม่ว่าจะเป็นในฉนวนกาซา เลบานอน อิหร่าน หรือที่อื่น ๆ” เบราชีธกล่าว และเสริมว่า “พวกเขาไม่สามารถต่อสู้กับกลุ่มต่อต้านได้ เพราะพวกเขาพ่ายแพ้ทุกครั้ง”
เบรสชีธ ซึ่งเป็นศาสตราจารย์ชาวยิวเกษียณอายุจาก School of Oriental and African Studies (SOAS) ของสหราชอาณาจักร เป็นนักเขียนและผู้สร้างภาพยนตร์ที่วิพากษ์วิจารณ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ของอิสราเอลอย่างเปิดเผย ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา
รายงานระบุว่า ทางการอังกฤษใช้กฎหมายต่อต้านการก่อการร้ายและต่อต้านมาเฟียมากขึ้นเพื่อควบคุมตัวและดำเนินคดีนักเคลื่อนไหวและนักข่าวที่สนับสนุนปาเลสไตน์
การเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายล่าสุด รวมทั้งร่างพระราชบัญญัติตำรวจ อาชญากรรม การพิพากษาและศาล พ.ศ. 2565 (PCSC) และพระราชบัญญัติความสงบเรียบร้อยสาธารณะ พ.ศ. 2566 ได้ขยายอำนาจของตำรวจอย่างมีนัยสำคัญ และอนุญาตให้สำนักงานอัยการสูงสุด (CPS) จำกัดสิทธิของผู้ประท้วงได้
กฎหมายทำให้เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายสามารถดำเนินคดีผู้ประท้วงด้วยข้อกล่าวหาที่รุนแรงยิ่งขึ้นได้ ขณะเดียวกันศาลอุทธรณ์ก็ได้ตัดการป้องกันที่จำเป็น ซึ่งเคยมีให้ใช้มาก่อนออกไป ส่งผลให้ผู้ที่ต้องขึ้นศาลต้องรับโทษที่รุนแรงยิ่งขึ้น
สถานการณ์ทวีความรุนแรงมากขึ้นจนเจ้าหน้าที่ปราบปรามการก่อการร้ายได้เข้าค้นตัวนักข่าว เช่น อาซา วินสแตนลีย์ จากกลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ อินติฟาดา ภายใต้พระราชบัญญัติต่อต้านการก่อการร้าย ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงขอบเขตของการปราบปรามผู้เห็นต่างได้เป็นอย่างดี
กลุ่มความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันที่สนับสนุนปาเลสไตน์ได้แสดงความตื่นตระหนก โดยมองว่าการปราบปรามดังกล่าวเป็นความพยายามที่จะปิดกั้นเสียงคัดค้าน และทำลายสิทธิในการแสดงออกอย่างเสรีของพวกเขา
ที่มา : สำนักข่าวเพรสทีวี
Copyright © 2024 SAHIBZAMAN.NET- สื่อเรียนรู้สำหรับอิสระชนคนรุ่นใหม่